10 สัตว์เลี้ยงสุดแปลก !!!
เชื่อว่าเพื่อน ๆ ก็คงมีสัตว์เลี้ยง หรือเคยผ่านการมีสัตว์เลี้ยงไว้แก้เหงาหรือเป็นเพื่อน เมื่อพูดถึงสัตว์เลี้ยง ภาพแรกที่เข้ามาในหัวก็คงจะเป็นแมว หมา กระต่าย หรืออาจเป็นปลาต่าง ๆ เช่น ปลาหางนกยูง ปลาทอง เป็นต้น ก็แน่ละเพราะความนุ่มนิ่มของพุงอ้วน ๆ ตาโตบ้องแบ๊ว ของน้องหมา น้องแมวทั้งหลาย ทำให้อดใจไม่ไหวที่จะเข้าไปอุ้มขึ้นกอดให้ชุ่มชื้นหัวใจ แต่นอกจากนี้ ยังมีสัตว์เลี้ยงอีกประเภทหนึ่ง และกำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆในปัจจุบัน นั่นก็คือ Exotic Pets ซึ่งบางคนอาจเรียกว่าสัตว์แปลก 10-อันดับพันธุ์แมว
1. ชูการ์ไกลเดอร์ หรือกระรอกบิน

ถือว่าเป็นสัตว์แปลกสายพันธุ์ต่างประเทศชนิดแรกๆที่นิยมเลี้ยงในประเทศไทย ในระยะแรกนั้นมีราคาที่ค่อนข้างสูงอาจแตะหลักหมื่น แต่ด้วยเป็นสัตว์ที่ค่อนข้างเพาะพันธุ์ได้ง่ายทำให้ปัจจุบันราคาอยู่ที่ประมาณหลักร้อยบาทขึ้นอยู่กับสีสันและสายพันธุ์
นิสัย : ชูการ์ ไกลเดอร์เป็นสัตว์สังคมจึงต้องการ การดูแลเอาใจใส่จากเจ้าของเช่นเดียวกับน้องหมา น้องแมว ชอบเล่น ขี้อ้อน และอาจมีพฤติกรรมติดเจ้าของ ดังนั้นการเลี้ยงมากกว่า 1 ตัว หรือเลี้ยงรวมกันหลายตัวป้องกันการเกิดความเครียดของชูการ์ ไกลเดอร์ได้
อาหาร : ปัจจุบันมีอาหารสำเร็จรูปที่หลากหลาย แต่เพื่อป้องกันการเบื่ออาหาร ควรให้อาหารที่หลายยี่อห้อ และรสชาด นอกจากจะมีอาหารหลักแล้ว ยังมีอาหารเสริมสำหรับชูการ์ ไกลเดอร์ เช่น ผลไม้ และโปรตีนจากหนอนนก เพื่อทำให้มีเจ้าชูการ์มีสุขภาพร่างกายที่ดี
สถานที่อุปกรณ์ในการเลี้ยง : เนื่องจากชูการ์ ไกลเดอร์เป็นสัตว์ที่ค่อนข้างป้องกันตัวเองจากอันตรายไม่ได้ จึงเหมาะที่จะเลี้ยงไว้ในบ้าน โดยอาจมีกรงเล็กๆไว้ให้เค้าอยู่ และปล่อยออกมาให้เล่นเป็นครั้งคราว
ราคา : หลักร้อยถึงพันบาท
2. เม่นแคระ

เจ้าขนหนามตัวน้อย ที่ดูเหมือนจะอันตรายแต่กลับเป็นนิสัยร่าเริง ไม่ดุร้ายอย่างที่คิด เม่นแคระเป็นสัตว์พิเศษขนาดเล็ก หน้าตาหน้ารัก จึงเป็นสัตว์อีกหนึ่งชนิดที่นิยมเลี้ยงกัน
นิสัย : เม่นแคระเป็นสัตว์สันโดด หากินกลางคืน แต่สามารถตื่นได้ทั้งกลางวันและกลางคืนได้เหมือนแมว ทำให้สามารถเล่น รวมทั้งทำกิจกรรมต่างๆ เช่น เล่น อุ้ม เที่ยวเล่น หรือนอนบนตักได้เช่นเดียวกันกับแมว แต่ค่อนข้างขี้ระแวงและหวงอาณาเขต
อาหาร : สามารถให้อาหารแมว หรือเสริมโปรตีนจากหนอนนก ไข่ต้ม รวมทั้งผักต่างๆ
สถานที่อุปกรณ์ในการเลี้ยง : เนื่องจากเม่นแคระค่อนข้างมีนิสัยซุกซนคล้ายหนู กรงเลี้ยงควรมีพื้นที่ให้วิ่งเล่น รองด้วยขี้เลื้อยและมีของเล่น เช่น วงล้อ ให้สามารถวิ่งเล่นได้ ควรวางกรงไว้ในที่อากาศไม่ร้อน ถ่ายเทได้สะดวก และอยู่ในบ้านเพราะหากเจ้าเม่นแคระหลุดออกมาจะได้ไม่หายไปไหน
ราคา : หลักร้อย
3. ชินชิล่า

เป็นสัตว์ตระกูลฟันแทะที่หน้าตาเหมือนทั้งหนูและกระต่าย เนื่องจากหน้าตาที่น่ารักและมีขนนุ่มนิ่ม ปัจจุบันชินชิล่าได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
นิสัย : คล้ายหนูและกระต่าย ชินชีล่าเป็นสัตว์สังคมและเป็นนักสำรวจ ซุกซน อยากรู้อยากเห็น ชอบกระโดด ชอบกัดแทะเหมือนกระต่าย
อาหาร : ชินชิล่าจะมีอาหารสำเร็จรูปที่ทำมาจากหญ้าอัลฟาฟ่า ทิโมธี เฮย์ ซึ่งเป็นอาหารอย่างเดียวกันกับที่ให้เต่าซูคาต้ากิน ส่วนอาหารเสริมหรือขนมจะเป็นพวกลูกเกด ผลไม้อบแห้ง เมล็ดถั่ว หรือเมล็ดทานตะวัน ที่ไม่ต้องใส่เครื่องปรุงแต่อย่างใด
สถานที่อุปกรณ์ในการเลี้ยง : ควรมีอากาศที่ไม่ร้อนและถ่ายเทได้สะดวก หากเลี้ยงในกรงควรเป็นกรงที่กว้างมีพื้นที่ให้ชินชีล่ากระโดดวิ่งเล่นได้ วัสดุรองพื้นจะเป็นแผ่นไม้ หรือแผ่นหินตามธรรมชาติได้ เหมือนกับที่รองสำหรับกระต่าย
ราคา : ชินชิล่ามีราคาค่อนข้างสูงอยู่ที่หลักพันปลายๆถึงหลักหมื่นบาท
4. แมวป่าคาราคัล

สำหรับคนรักแมวแต่รู้สึกว่าแมวตัวเล็กไป และสำหรับคนอยากมีเสือไว้เป็นเพื่อนแต่ไม่สามารถเลี้ยงเสือได้ แมวป่าหน้าหล่อชนิดนี้จึงเป็นคำตอบ คาราคัลเป็นแมวป่าขนาดกลางน้ำหนักอยู่ที่ระหว่าง 10-18 กิโลกรัม
นิสัย : นิสัยรักสันโดดเหมือนแมวทั่วไป แต่ด้วยความที่มีขนาดใหญ่กว่าแมวทำให้มีแรงที่มากกว่าแมว และยังมีสัญชาตญาณของความเป็นสัตว์ป่าอยู่
อาหาร : สาเหตุที่ยังมีสัญชาตญาณสัตว์ป่าอยู่มาก อาหารจึงควรเป็นเนื้อสัตว์ที่ไม่ผ่านการปรุงสุก เช่น ไก่ กระต่าย หนู และควรให้กินอาหารที่หลากหลายเพื่อให้ได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน
สถานที่อุปกรณ์ในการเลี้ยง : แม้แมวป่าชนิดนี้จะสามารถเลี้ยงไว้ในบ้านให้เชื่องเหมือนน้องแมวน้องหมาทั่วไปได้ แต่ไม่ควรนำเจ้าคาราคัลออกไปในที่สาธารณะหรือพบปะผู้คนจำนวนมาก เพราะจะทำให้เกิดความเครียด ซึ่งอาจทำให้เกิดพฤติกรรมก้าวร้าวตามมาได้
ราคา : สำหรับใครที่คิดว่านิสัยตนเองเหมาะสำหรับเลี้ยงแมวป่าชนิดนี้แล้ว ต้องพกเงินในกระเป๋าไว้หลักแสนบาทขึ้นไป แล้วไปยังฟาร์มที่เพาะพันธุ์อย่างถูกกฏหมายแล้วเลือกรับไว้เป็นเพื่อนได้เลย
5. อัลปาก้า

ด้วยรอยยิ้มอรุ่มเจ๊าะและหน้าตาที่เป็นมิตร จึงเป็นหนึ่งในสัตว์เลี้ยงในฝันของใครหลายคน อัลปาก้า เป็นสัตว์ที่อยู่ในตระกูลเดียวกับอูฐถิ่นกำเนิดอยู่บริเวณที่สูงแทบเทือกเขาแอนดีส ทวีปอเมริกาใต้
นิสัย : เนื่องจากอัลปากาเป็นสัตว์ที่ชอบอยู่รวมกันเป็นฝูง ทำให้มีนิสัยที่ค่อนข้างเป็นมิตร อารมณ์ดีเข้ากับคนได้ง่าย
อาหาร : เพราะอัลปาก้าเป็นสัตว์กินพืช จึงสามารถกินหญ้าและอาหารเม็ดทั่วไปเหมือนวัวได้เช่นกัน
สถานที่อุปกรณ์ในการเลี้ยง : เนื่องจากชอบอัลปาก้าเป็นสัตว์สังคมจึงสามารถเลี้ยงไว้ในบ้านหรือบริเวณบ้านได้เช่นเดียวกับน้องหมา น้องแมวด้วย
ราคา : ใครคิดว่าจะเลี้ยงเจ้าของรอยยิ้มอรุ่มเจ๊าะตัวนี้ไว้เป็นเพื่อนละก็ เห็นทีจะต้องเตรียมเงินไว้อย่างน้อยถึงหลักแสนบาท เพราะเจ้าอัลปาก้านี้ราคาเริ่มต้นอยู่ที่หลักแสนไปจนถึงหลักล้านบาท
6. เต่า

โดยมีหลายสายพันธุ์ที่เป็นที่นิยมเลี้ยงในบ้านเรา ไม่ว่าจะเป็นเต่าน้ำ เช่น เต่าญี่ปุ่น ไดมอนด์แบ็ค สแนปปิ้ง หรือเต่าบก เช่น อัลดาบรา ซูคาต้า เรเดียต้า เสือดาว ดาวอินเดีย เรดฟุต ราคาตั้งแต่หลักสิบจนถึงหลักล้าน ในบ้านเรามีคนรักเต่าจำนวนมากที่ได้เลี้ยงเต่าหลากหลายสายพันธุ์ซึ่งมีมูลค่ารวมนับสิบล้านบาท หากจะเริ่มเลี้ยงเต่าควรเริ่มต้นที่เต่าซูคาต้าซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่มักจะเห็นคลิปวิดีโอน่ารักๆผ่านโซเชี่ยลในพฤติกรรมต่างๆ เช่น เปิดประตูบ้านเอง, ส่ายก้นดุ๊กดิ๊กๆเหมือนหมา ฯลฯ
นิสัย : หากเป็นเต่าที่เกิดมาจากการเพาะพันธุ์จากฟาร์มจะมีนิสัยที่เป็นมิตร ชอบเดิน สามารถเรียนรู้พฤติกรรมบางอย่างของเจ้าของได้ เช่น เรียกให้กินข้าวก็อาจเดินมาหา แต่ในช่วงสืบพันธุ์จะมีความก้าวร้าว อาจต่อสู้โดยใช้วิธีกัดและใช้กระดองชนกัน
อาหาร : ส่วนใหญ่ของเต่าบกและเต่าน้ำจะไม่ต่างกันนัก ซึ่งหลายคนอาจเข้าใจผิดว่าเต่ากินผักบุ้ง ความจริงแล้วเต่าส่วนใหญ่เป็นสัตว์ที่กินทั้งพืชและสัตว์ อาจแตกต่างกันไปตามแต่ละชนิดของสายพันธุ์ อาหารของเต่าซูคาต้าจะเป็นพืชผักทั่วไป หรืออาหารเม็ดที่ผลิตขึ้นมาเพื่อเต่าซูคาต้าโดยเฉพาะ
สถานที่อุปกรณ์ในการเลี้ยง : เต่าซูคาต้าเป็นเต่าที่สามารถเลี้ยงได้ในบ้าน และบริเวณบ้านได้ แต่ที่สำคัญคือต้องมีช่วงเวลาที่ให้เจ้าเต่าได้รับแสงแดดในปริมาณที่เพียงพอแก่การเจริญเติบโตของร่างกาย
ราคา : มีตั้งแต่หลักร้อยบาทจนถึงหลักหมื่นบาทให้ได้เลือกกันตามกำลังทรัพย์
7. งู

ก็เป็นสัตว์พิเศษอีกชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ที่เป็นนิยมเลี้ยงกันมีหลายสายพันธุ์เช่น คอร์นสเนค มิลค์สเนค บอลไพธอนหรืองูหลามบอล งูหลามไทย หรือแม้กระทั่งงูอนาคอนด้า โดยแต่ละสายพันธุ์ต่างมีขนาด สีสัน ลวดลายที่หลากหลายซึ่งเกิดจากการพัฒนาของนักเพาะพันธุ์ ทำให้งูเป็นสัตว์พิเศษที่มีเสน่ห์มาก ๆ งูคอร์นสเนค เป็นงูที่เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มสนใจเลี้ยงงู และเป็นสายพันธุ์ที่ดูแลง่าย ขนาดไม่ใหญ่มากนัก
นิสัย : งูเป็นสัตว์ที่ไม่สามารถแยกความแตกต่างระหว่างบุคคลได้ จึงไม่สามารถจดจำเจ้าของได้ แต่เพียงรับรู้ได้ว่าคนไม่เป็นอันตราย โดยปกติแล้วงูเลี้ยงจะเชื่อง ขี้อาย ในการสัมผัสตัวหรือจะจับมาเล่นทุกครั้ง ผู้ที่จะจับด้วยความระมัดระหว่างอย่าให้ตกใจ เพราะอาจทำให้ถูกกัดได้
อาหาร : อาจจะเตรียมใจเป็นพิเศษเพราะงูเป็นสัตว์กินเนื้อเป็นอาหาร และสัตว์ที่เป็นอาหารหลักในธรรมชาติคือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็กจำพวกหนู ดังนั้นอาจจะต้องทำใจเวลาหย่อนหนูตาย หรือแม้กระทั่งหนูเป็น ๆ ไปให้งูกิน
สถานที่อุปกรณ์ในการเลี้ยง : ตู้หรือกล่องสำหรับเลี้ยงโดยเน้นให้ระบายอากาศได้ดี พื้นตู้ต้องมีวัสดุซับความชื้น มีแสงไว้สำหรับให้งูได้รับความร้อนอย่างพอเพียง และที่สำคัญคือต้องมีอ่างใส่น้ำไว้ให้งูได้ดื่มตลอดเวลา
ราคา : ไม่สูงนักอยู่ที่หลักร้อยจนถึงหลักพันบาท
8. นก

ที่นิยมเลี้ยงในกลุ่มคนเลี้ยงสัตว์ชนิดพิเศษมักจะอยู่ในกลุ่มของนกปากขอเช่น นกแก้วมาคอร์ นกกระตั้ว นกซันคอนัวร์ ซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงชนิดพิเศษที่อาจถือได้ว่ามีความหลากหลายทางด้านสีสัน ลวยลายมากที่สุด นกในกลุ่มนี้มีความฉลาดสามารถเรียนรู้ได้ดีในระดับที่สามารถสื่อสารกับเจ้าของได้ในเรื่องที่ไม่ซับซ้อน
นิสัย : นกตระกูลปากขอหรือวงศ์นกแก้ว เป็นนกที่ถือว่ามีความฉลาดที่สุด สามารถเรียนรู้พฤติกรรมมนุษย์ได้เป็นอย่างดี ถ้าได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม จะมีความฉลาดขี้เล่น สามารถจดจำพฤติกรรมต่าง ๆ ของเจ้าของได้ดี
อาหาร : จะเมล็ดพืชทั่วไปเช่น ถั่วชนิดต่าง ๆ เมล็ดทานตะวัน
สถานที่อุปกรณ์ในการเลี้ยง : หากใครอาศัยอยู่บ้านที่มีลักษณะเป็นทาวน์เฮ้าส์ คอนโด หรือมีบ้านติดกับเพื่อนบ้าน ไม่แนะนำว่าให้เลี้ยงนกในกลุ่มนี้ เพราะเป็นนกที่มีเสียงดังและอาจไปรบกวนเพื่อนบ้านใกล้เคียงได้
ราคา : มีตั้งแต่หลักพันจนถึงหลักแสน ตามแต่ละชนิดสายพันธุ์
9. ตุ๊กแกลายเสือดาว

หลายคนเมื่อได้ยินคำว่าตุ๊กแกคงนึกไปถึง เจ้าตุ๊กแกที่ชอบหลบอยู่ตามซอกหลืบ ตามมุมมืดของบ้าน และโผล่มาให้เราตกใจกันเป็นครั้งคราว แต่ตุ๊กแกลายเสือดาวเป็นตุ๊กแกสายแบ๊วหน้าตาเหมือนยิ้มอยู่ตลอดเวลา มีสีสัน ลวดลายให้เลือกมากมาย นิสัย ไม่ก้าวร้าว เลี้ยงง่าย
นิสัย : รักสงบ ไม่ก้าวร้าว สามารถจับเล่นได้เมื่อต้องการ อาจจะงับเบา ๆ หากตกใจ หากจะจับเล่นควรจับด้วยความระมัดระวังเพราะอาจทำให้หางขาดได้ แต่ถ้าหางขาดจะใช้เวลาอีกระยะหางที่ขาดจึงจะงอกออกมาใหม่
อาหาร : ให้กินหนอนนกเป็นอาหารหลัก
สถานที่อุปกรณ์ในการเลี้ยง : สามารถใช้กล่องพลาสติกเจาะรูระบายอากาศ รองพื้นด้วยกรวดละเอียด มีชามใส่น้ำ ก็สามารถเลี้ยงได้ สิ่งที่ต่างไปจากสัตว์เลื้อยคลานชนิดอื่นคือตุ๊กแกลายเสือดาว ไม่ต้องนำไปให้เจอแสงแดดหรือให้ความร้อน
ราคา : หลักร้อยถึงหลักพัน
10. กิ้งก่ามังกรเคราหรือเบี๊ยดดราก้อน

บางคนเรียกว่ากิ้งก่าทะเล เป็นสัตว์พิเศษในกลุ่มกิ้งก่าที่นิยมเลี้ยงเป็นลำดับต้น ๆ เพราะด้วยตัวที่มีขนาดไม่ใหญ่ รูปร่างหน้าตาดูสง่า มีแผงหนามเล็ก ๆ บริเวณหัวและก้านข้างของลำตัว มีสีน้ำตาลสลับลายสีครีม ปัจจุบันนักเพาะพันธุ์สามารถเพาะพันธุ์ ให้มีสีสัน และลวดลายที่แปลกไปจากธรรมชาติ
นิสัย : รักสันโดด เชื่อง ไม่ก้าวร้าว หากกลัวหรือตกใจมักใช้วิธีการหลบ แต่หากหลีกเลี่ยงไม่ทัน จะใช้วิธีการงับเล็กน้อย ไม่ทำให้รู้สึกเจ็บนัก และหวงอาณาเขต
อาหาร : จะเป็น แมลง หนอน ผัก ผลไม้ต่าง ๆ
สถานที่อุปกรณ์ในการเลี้ยง : ควรเลี้ยงในบ้านโดยสามารถเลี้ยงได้ในตู้ปลา ใช้ทรายหรือกรวดแห้ง ปูพื้นตู้และจัดตกแต่งห้เลียนแบบธรรมชาติเหมือนทะเลทรายให้มากที่สุด เนื่องจากเบี๊ยดดราก้อนเป็นสัตว์ที่หวงถิ่นจึงไม่ควรเลี้ยงรวมกัน
ราคา : มีให้เลือกตั้งแต่หลักร้อยถึงหลักพัน
สิ่งที่ควรคิดหากจะเลี้ยงสัตว์แปลก
ยังมีสัตว์ชนิดพิเศษอีกหลายชนิดที่นิยมเลี้ยงกันในบ้านเรา ส่วนใหญ่คงไม่ทราบกันว่าแม้แต่ตัวเงินตัวทองก็มีผู้นิยมเลี้ยงกัน ด้วยความที่สัตว์เหล่านี้เป็นสัตว์ชนิดพิเศษ ในการจะเริ่มต้นเลี้ยง หรือเลือกเลี้ยงชนิดใดควรศึกษาข้อมูลในด้านกฎหมายด้วย เพราะบางชนิดกฏหมายอาจไม่อนุญาตให้เลี้ยงได้ บางชนิดอาจต้องมีการขออนุญาตเลี้ยง นอกจากเรื่องกฏหมายแล้วสำคัญกว่านั้นคือการศึกษาพฤติกรรมของสัตว์ชนิดนั้น ๆ ให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ และเตรียมความพร้อมในด้านต่าง ๆ เช่น ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับอาหารการกิน วิธีการดูแลต่าง ๆ รวมทั้งหากมีอาการเจ็บป่วยเราสามารถพาไปรับการรักษาได้ที่โรงพยาบาลใดได้บ้าง เพราะโรงพยาบาลสัตว์ทั่วไปส่วนใหญ่แล้วไม่สามารถรักษาสัตว์พิเศษได้ ดังนั้นหากต้องการเลี้ยงจำเป็นหาข้อมูลว่ามีโรงพยาบาลที่สามารถรักษาสัตว์พิเศษใกล้บ้านจึงเป็นสิ่งจำเป็นมากเช่นกัน หากมีความพร้อมในทุกด้านที่กล่าวมาแล้ว ที่สำคัญที่สุดคือเรามีความรักมากพอให้สัตว์ชนิดนั้นที่เราจะนำมาเลี้ยงหรือไม่ เพราะเมื่อเรานำมาแล้วจะไม่ใช่แค่การให้อาหาร ที่อยู่อาศัย หรือยารักษาโรคเท่านั้น แต่เราต้องให้ความรักความเข้าใจแก่เค้าด้วย เพราะในขณะที่เรามีโลกที่กว้าง มีเพื่อน มีสังคมมากมาย แต่กับสัตว์เหล่านั้นเราคือโลกทั้งใบและอาจเป็นแค่โลกใบเดียวของเค้า
ติดตามรีวิวสัตว์เลี้ยง : baanpet