โรคไข้เลือดออก

โรคไข้เลือดออก ผู้ป่วยไข้เลือดออกที่สัมผัสกับสายพันธุ์ใด ๆ จะสร้างภูมิคุ้มกันเฉพาะต่อสายพันธุ์นั้น คุณสามารถเป็นไข้เลือดออกได้อีกครั้งหากคุณได้รับเชื้อไวรัสสายพันธุ์อื่นจากที่คุณได้รับครั้งแรก โดยทั่วไปแล้วอาการของโรคที่สองมักจะรุนแรงกว่าครั้งแรก
อาการ
- ไข้สูงเฉียบพลันมากกว่า 38 องศาเซลเซียส นาน 2-7 วัน
- คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร
- ใบหน้าแดงและอาจมีรอยฟกช้ำหรือจุดแดงเล็ก ๆ บนผิวหนังหรือบริเวณอื่นที่มีเลือดออก เช่น เลือดกำเดาไหล เลือดออกตามไรฟัน ปัสสาวะเป็นเลือด อุจจาระเป็นเลือด
- ปวดท้องอย่างรุนแรง เจ็บชายโครงขวา
สำหรับผู้ป่วยที่ไม่มีอาการช็อก ไข้จะทุเลาลง 2-7 วันหลังจากมีไข้สูง ระบบไหลเวียนเลือดเริ่มกลับสู่ปกติ หลังจากนั้น 2-3 วัน ความดันโลหิตและชีพจรเริ่มคงที่และเข้าสู่ระยะพักฟื้น ผู้ป่วยจะรู้สึกดีขึ้น ไข้ลดลง และเริ่มรับประทานอาหารได้ อาการปวดท้องจะดีขึ้นในระยะนี้มักมีผื่นแดงและคันตามฝ่ามือและฝ่าเท้า จะหายไปเองภายใน 1 สัปดาห์
การรักษา
ไม่มีการรักษาเฉพาะและไม่มีวัคซีน ให้การรักษาประคับประคองตามอาการ และให้ยาลดไข้ แนะนำให้ใช้พาราเซตามอล ให้ดื่มน้ำและพักผ่อนให้มาก ๆ หากอาการไม่ดีขึ้น ควรส่งผู้ป่วยไปพบแพทย์ เมื่อผู้ป่วยไข้เลือดออกมีไข้สูงติดต่อกัน 4-5 วัน (70%) วันที่มีอาการวิกฤต/ช็อกจะตรงกับวันที่ไข้หาย หรือไข้ระดับต่ำ ดังนั้น ควรจำไว้ว่าวันที่สามของการป่วยคือวันแรกสุดที่ผู้ป่วยไข้เลือดออกจะมีโอกาสช็อกได้ ในระหว่างที่มีอาการช็อก ผู้ป่วยจะมีจิตใจที่ปกติดี สามารถพูดและตอบสนองได้เฉพาะในผู้ป่วยที่อ่อนเพลียเท่านั้น ส่งผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลระดับสูงทันที

ป้องกันโรค
โรคไข้เลือดออกสามารถแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว การป้องกัน ควบคุมโรคที่สำคัญจึงต้องไม่ให้ยุงกัดโดยเฉพาะผู้ป่วยโดยลดจำนวนยุงตัวเต็มวัยและกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ต้องให้ครอบคลุมทุกหลังคาเรือนอย่างต่อเนื่องตลอดปี มีหลายวิธี ดังนี้
- วิธีของการกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย
เป็นการสร้างความร่วมมือของทุกภาคส่วนเพื่อลดจำนวนประชากรยุงตัวเต็มวัยและแหล่งเพาะพันธุ์ มีข้อแนะนำสำหรับสถานศึกษา ได้แก่
– ทำลายแหล่งเพาะพันธุ์พวกยุงลายในสถานศึกษา ทุก ๆ 7 วัน
– ให้ความรู้และคำแนะนำแก่นักเรียนเกี่ยวกับวงจรชีวิตยุง การแพร่เชื้อและวิธีป้องกัน
1.1 ด้านกายภาพ ได้แก่ การปิดภาชนะเก็บน้ำที่มีฝาปิดเพื่อป้องกันยุงวางไข่ สามารถคลุมและรัดด้วยยางมุ้งหรือพลาสติกแรป ภาชนะที่ไม่ได้ใช้ควรคว่ำลง
ของเสียเช่นเปลือกหอยและกระป๋องที่ไม่รองรับการทำน้ำให้บริสุทธิ์ควรเผาหรือฝัง แจกันดอกไม้ควรเปลี่ยนน้ำทุก ๆ 7 วัน และควรทำอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องตลอดทั้งปี
1.2 ส่วนชีววิทยา คือ การปล่อยปลากินลูกน้ำลงในภาชนะเก็บน้ำ เช่น 2-4 ตุ่ม และดูแลสม่ำเสมออย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง วิธีการนี้ง่าย ประหยัด และปลอดภัย
1.3 สารเคมีลดลงโดยการเติมทรายลงในภาชนะบรรจุน้ำ ใช้เฉพาะภาชนะที่ไม่สามารถปิดหรือขังลูกปลาได้
2.วิธีทางด้านการลดยุงตัวเต็มวัยมีดังนี้
2.1 ใช้ไม้ตียุงผสมน้ำสบู่หรือผงซักฟอกกับน้ำ สเปรย์กำจัดยุง
2.2 การฉีดพ่นพวกสารเคมีเพื่อที่จะฆ่ายุงตัวเต็มวัย เป็นวิธีการฆ่ายุงที่ได้ผลดีมาก แต่เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่รวดเร็ว มีค่าใช้จ่ายสูง และผู้ปฏิบัติงานต้องมีความรู้ เพราะสารเคมีอาจเป็นพิษต่อคนและสัตว์เลี้ยงได้ ดังนั้นควรใช้เมื่อจำเป็นเท่านั้น
- นอนกางมุ้ง ทายากันยุง ใช้สมุนไพร/พัดไล่ยุงเพื่อป้องกันยุงกัด นำเสื้อของคุณเข้ามาใกล้ หลีกเลี่ยงที่มืด ทึบแสง ร้อนชื้น
อ่านเพิ่มเติม : โรคเกี่ยวกับสัตว์
ติดตามข้อมูลข่าวสาร : baanpet