https://baanpet.com/

แมงป่อง

แมงป่อง

แมงป่อง (ไทย: แมงอด; ไทยเหนือ: แมงวาว) จัดเป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง สัตว์ขาปล้อง เป็นสัตว์ที่มีมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ ในจำนวนนั้นพบฟอสซิลแมงป่องที่มีอายุย้อนไปถึง 440 ล้านปีตั้งแต่ยุคไซลูเรียน เช่น Archaeobuthus estephani หรือ Protoischnurus axelrodorum ซึ่งเป็นแมงป่องโบราณที่ยาวที่สุด โดยยาวเกือบ 90 ซม.

รูปลักษณ์และพฤติกรรม

แมงป่องเป็นสัตว์มีพิษ หัวเป็นรูปปูใกล้กับอกเป็นส่วนเดียวกัน รูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ลำตัวเป็นปล้องยาวประมาณ 2-10 ซม. มีก้ามคล้ายก้ามคู่และลำตัวติดกัน ติดกันเป็นสัตว์ขาปล้อง 4 คู่ ส่วนท้องขยายเป็นหาง 5 ปล้อง ปลายหางมีอวัยวะสำหรับต่อย ความยาวเฉลี่ยของแมงป่องคือ 3-9 ซม. และแมงป่องถ้ำที่เล็กที่สุดในโลกมีความยาวเพียง 9 มม.

 

แมงป่องเป็นสัตว์สงบ แต่ถ้าตกใจก็จะยกหางงอขึ้นเป็นการขู่ และจะต่อยเพื่อป้องกันตัวหรือล่าสัตว์

แมงป่องไม่ใช่สัตว์ที่รักแสง มักซ่อนตัวอยู่ในที่มืดและอับชื้น เช่น ใต้ก้อนหิน ใต้เสา ใต้ใบไม้ หรือตามโพรงไม้ในป่า ออกหากินในเวลากลางคืน ทั่วโลกมีแมงป่องประมาณ 1,200 สายพันธุ์[1] ที่อาศัยอยู่ในทะเลทราย เขตร้อน และแม้แต่บริเวณชายฝั่ง พบสัตว์มีพิษถึงห้าสิบชนิด [1] บางชนิดมีพิษร้ายแรง เช่น แมงป่องในสกุล Centruroides ในสหรัฐอเมริกา แอริโซนา เม็กซิโก บราซิล และทะเลทรายสะฮารา ลักษณะของหางจะแตกต่างกันไปในแต่ละชนิด สิ่งนี้จะมีความไวในการโจมตีที่แตกต่างกัน แมงป่อง Death Stoker ขนาด 4.3 นิ้ว (Leiurus quinquestriatus) ถูกพบในทะเลทรายของแอฟริกาเหนือและตะวันออกกลาง เป็นประเภทที่มีความเร็วในการโจมตีสูงสุด เมื่อสะบัดหางขึ้นเหนือหัว ความเร็วถึง 130 ซม./ชม. และมีพิษสูงส่งผลต่อระบบประสาท ทำให้เป็นอัมพาตและเสียชีวิตของเหล็กไนและสปีชีส์ถ่มน้ำลายสีดำ (Parabuthus transvaalicus) ที่พบในภูมิภาคแอฟริกาใต้ รวมทั้งทะเลทรายนามิบ เป็นชนิดที่สามารถพ่นพิษออกมาจากปลายหางได้

แมงป่อง

นอกจากนี้แมงป่องยังมีคุณสมบัติพิเศษที่แตกต่างจากสัตว์ขาปล้องอื่นๆ คือ เมื่อสัมผัสกับแสงสีดำจะผลิตสารออกมา แมงป่องที่เห็นเรืองแสงนั้นเชื่อว่าเกิดจากสารที่ไม่ทราบแน่ชัดซึ่งฝังอยู่ในชั้นบางๆ ของเปลือกแมงป่อง แม้ว่าแมงป่องจะตายไปนานแล้วและลักษณะเรืองแสงนี้ยังคงอยู่ ซากจากฟอสเฟอร์แมงป่องอายุร้อยปีฝังอยู่ในหินฟอสซิลแม้ว่าเปลือกจะไม่คงรูปร่างอีกต่อไป นอกจากนี้ตัวอย่างแมงป่องหมักและแม้แต่แมงป่องทอดก็มีสารนี้

ตระการตา

บนหัวแมงป่องมีตาหนึ่งคู่ มีตาสามคู่ แม้ว่าแมงป่องจะมีตาหลายคู่ แต่การมองเห็นต่ำมาก จึงไม่ไวพอที่จะรับแสงแฟลช เช่น แฟลชของกล้อง และดวงตาต้องใช้เวลานานในการปรับให้เข้ากับแสง สังเกตเห็นเมื่อแมงป่องถูกนำออกมาจากความมืด ใช้เวลาไม่กี่นาทีในการเริ่มเคลื่อนไหว

ข้อบกพร่องทางสายตาถูกแทนที่ด้วยสิ่งอื่น ร่างกายของแมงป่องปกคลุมไปด้วยขนจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการวางยาพิษ ขนเหล่านี้รับรู้ถึงการเคลื่อนไหวของอากาศ สิ่งนี้ทำให้แมงป่องไวต่อเสียงมาก ทันทีที่ได้ยินเสียงนั้น แมงป่องก็ยกหางขึ้น หรือการเคลื่อนไหวของสิ่งรอบตัวเมื่อเหยื่อหรือศัตรูเข้าใกล้และสามารถฉีดพิษใส่เหยื่อได้อย่างแม่นยำ

พิษ

แมงป่องเป็นสัตว์ที่สามารถอดอาหารได้นานหลายเดือน โดยปกติแล้ว เมื่อมันล่าเหยื่อ มันจะฉีดพิษเพื่อทำให้เหยื่อเป็นอัมพาตก่อนที่จะกินมันแบบดิบๆ แมงป่องเป็นสัตว์กินเนื้อ มันจะกินสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังขนาดเล็ก เช่น แมงมุมและแมลงเป็นอาหาร พิษแมงป่องเป็นสารประกอบโปรตีนที่มีลักษณะเหมือนน้ำส้มสายชู พิษของแมงป่องเป็นพิษต่อระบบประสาท บางชนิดเป็นพิษต่อระบบเลือด ลักษณะแผลเหมือนเข็มเจาะ บางครั้งอาจเป็นแผลไหม้ได้ โดยทั่วไปจะไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ แต่อาจเป็นอันตรายต่อผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้หรือมีภาวะร่างกายอ่อนแอ แมงป่องมีพิษร้ายแรงถึงชีวิตมนุษย์ ส่วนใหญ่กระจายอยู่ทางตอนใต้ของสหรัฐอเมริกา และเม็กซิโก ตามรายงาน จำนวนแมงป่องต่อยสูงถึง 5,000 ตัวทุกปี สายพันธุ์ที่มีพิษร้ายแรงที่สุดสามารถต่อยถึงแก่ชีวิตได้ภายใน 6-7 ชั่วโมง ปลอดสารพิษ

ในกรณีส่วนใหญ่ แมงป่องที่มีพิษร้ายแรงที่สุดคือแมงป่องตัวเล็กที่มีกรงเล็บขนาดเล็กและมีลำตัวสีเข้ม สำหรับแมงป่องแล้ว ตัวก็ใหญ่ ก้ามก็ใหญ่ สีก็เข้ม ดูโอ่อ่ามาก แมงป่องมักจะไม่ตาย

หากถูกแมงป่องต่อยให้ปฐมพยาบาลด้วยสบู่ จากนั้นนำแอลกอฮอล์ล้างแผลอีกครั้ง ประคบน้ำแข็งเพื่อลดอาการปวดได้ ร่วมกับยาแก้ปวด

ติดตามรีวิวสัตว์เลี้ยง : รีวิวสัตว์เลี้ยง

สามารถติดตามความน่ารักของสัตว์เลี้ยงต่อไปได้ที่ : baanpet