https://baanpet.com/

เป็ดแมนดาริน

เป็ดแมนดาริน

“เป็ดแมนดาริน” ในอาณาจักรลำไทรฟาร์ม ด้วยเรื่องราวของสัตว์ชนิดนี้มีที่มาน่าสนใจ จนกระทั่งคนไทยนำมาเป็นสัตว์เลี้ยง เพราะขึ้นชื่อเรื่องสีสันสวยงาม ทั้งเป็นนกที่มาพร้อมกับความเชื่อของคนจีนที่ว่า เป็ดแมนดาริน คือ สัตว์แห่งความเป็นสิริมงคล สัญลักษณ์แห่งความรักและความซื่อสัตย์ เพราะครองคู่เพียงตัวเดียวไปตลอดชีวิต

นกสวยงามที่สุดในโลก

มาตามหานกที่ขึ้นชื่อว่าสวยงามที่สุดในโลก บนเนื้อที่ 10 ไร่ ของลำไทรฟาร์ม

หากต้องการเรียนรู้ธรรมชาติของสัตว์อย่างแท้จริง ที่นี่น่าจะเพียงพอที่จะเก็บเกี่ยวประสบการณ์แบบย่อส่วนในเวลาจำกัด ภายใน 1 วัน ถึงแม้จะเป็นเวลาไม่มากนัก แต่ก็น่าจะมากพอที่จะเรียนรู้เรื่องราวของเป็ดแมนดาริน โดยเฉพาะที่มาของสัญลักษณ์ “รักแท้” และความสวยงามเกินคำบรรยาย

ลุงถาวร สมานตระกูล เจ้าของฟาร์มใจดี เล่าถึงเรื่องราวของเป็ดแมนดารินที่กำลังสนใจอยู่ว่า คนชอบเป็ดแมนดาริน เพราะมันสวยกว่าตัวอื่น มีสีสันหลายสี ชื่อก็ไพเราะ “แมนดาริน” เขาจึงเอาไปตั้งเป็นชื่อโรงแรมกัน

โดยปกติแล้ว เป็ดแมนดาริน ไม่ใช่นกประจำถิ่นของประเทศไทย มักกระจายพันธุ์อยู่ในภาคตะวันออกของประเทศจีนแถบลุ่มแม่น้ำอุสซูรี ไปจนถึงภูมิภาคเอเชียตะวันออก ได้แก่ ไต้หวัน, ญี่ปุ่น และเกาหลี รวมถึงบางส่วนในทวีปยุโรปด้วย

หากพบในเมืองไทยจะเป็นเพียงนกอพยพหนีหนาว อยู่ในแถบภาคเหนือและภาคกลางบางพื้นที่ แต่ก็พบได้ไม่มากนัก ด้วยเอกลักษณ์ของสีสันที่มีความสวยงาม เป็ดแมนดารินจึงมักถูกจับเป็นสัตว์เลี้ยง ซึ่งในกฎหมายไทย เป็ดแมนดารินเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าพุทธศักราช 2535

พฤติกรรมตามธรรมชาติ เป็ดแมนดารินมักอาศัยอยู่ตามห้วย หนอง คลอง บึงที่มีต้นไม้ขึ้นปกคลุม ชอบเกาะอยู่ตามกิ่งไม้เพื่ออาศัยเป็นที่หลบซ่อนตัว อยู่ร่วมกันเป็นฝูงเล็กๆ หรืออยู่เป็นคู่ๆ เหมือนหงส์ โดยอาศัยหากินตามแหล่งน้ำ ประเภทพืชน้ำชนิดต่างๆ อย่างแหน รวมถึงกินสัตว์น้ำขนาดเล็กเป็นอาหาร เช่น ลูกกุ้ง ปู ปลา กบ เขียด และแมลงต่างๆ

ตามความเชื่อว่าเป็ดแมนดาริน เป็นนกที่จับคู่เพียงตัวเดียวตลอดชีวิต ดังนั้น จึงเป็นสัญลักษณ์ของความรักแท้ จนปรากฏเป็นนิทานพื้นบ้านเรื่องต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออก และยังเป็นสัตว์แห่งความเป็นสิริมงคลตามความเชื่อของชาวจีนด้วยนั้น แต่แท้ที่จริงแล้ว ตามพฤติกรรมธรรมชาติของสัตว์ชนิดนี้ไม่ได้เป็นเช่นนั้น

หากสังเกตในช่วงฤดูหนาว เรามักพบเห็นเป็ดแมนดารินใช้ชีวิตเป็นคู่ๆ อยู่อย่างใกล้ชิดกันตลอดเวลา จนทำให้คนโบราณเข้าใจว่าเป็ดแมนดารินเป็นสัตว์ที่ใช้ชีวิตครองคู่เพียงตัวเดียวไปจนตลอดชีวิต แต่ไม่ใช่เลย เมื่อเป็ดตัวเมียพร้อมที่จะเริ่มวางไข่ เป็ดตัวผู้ก็พร้อมที่จะโบกมืออำลาจากไปเช่นกัน

ฤดูผสมพันธุ์ สีสันจัดจ้าน

พอถึงฤดูผสมพันธุ์ เป็ดแมนดารินตัวผู้จะมีสีสันสวยงามมาก จึงเป็นที่มาของคำกล่าวที่ว่าเป็นนกชนิดหนึ่งที่มีความสวยงามที่สุดในโลก

โดยแต่ละสีจะตัดกันเห็นอย่างชัดเจน เริ่มที่หน้าผากและหัวเป็นสีทองแดง, สีม่วง และเขียวเหลือบเป็นมันเงา และมีขนปีกสีส้มขนาดใหญ่สวยงามสะดุดตา แต่จะชื่นชมความงามได้เฉพาะในฤดูผสมพันธุ์เท่านั้น ในฤดูอื่นจะมีสีสันไม่มากนัก เมื่อฤดูผสมพันธุ์ผ่านพ้นไป สีสันที่สวยงามของเป็ดตัวผู้ก็จะพลอยหายไปด้วย ต้องรอจนกระทั่งฤดูหาคู่ครั้งหน้า วนกลับมาอีกครั้ง

“เป็ดแมนดาริน สีสันตัวเมียไม่สวยเหมือนตัวผู้ที่มีสีสันสวยงาม ไม่เฉพาะแมนดารินนะ เป็ด นก ไก่ทุกสายพันธุ์เลย ตัวผู้จะสีสวยกว่าตัวเมีย เพราะมีไว้เรียกร้องความสนใจจากตัวเมียในช่วงฤดูผสมพันธุ์ แต่ถ้าไม่ใช่หน้าผสมพันธุ์สีก็จะไม่สด”

พอสิ้นฤดูหนาว หรือเมื่อพ้นฤดูผสมพันธุ์แล้ว ตัวผู้จะผลัดขนจนดูคล้ายตัวเมีย ซึ่งจะมีลายขีดสีขาวบริเวณท้องและลายขีดสีดำที่โคนปาก เป็ดแมนดารินเป็นนกขนาดกลาง วางไข่ครั้งละ 9-12 ฟอง ไข่มีสีเนื้อเป็นมัน ระยะเวลาฟักไข่นาน 28-30 วัน โดยที่ตัวเมียจะเป็นผู้ฟักเพียงตัวเดียว ทิ้งหน้าที่ฟักไข่ ตลอดจนการเลี้ยงดูลูกเป็ดที่จะฟักออกมาในอีก 30 วันข้างหน้า ไว้ให้เป็นหน้าที่ของเป็ดตัวเมียแต่เพียงลำพัง ส่วนตัวผู้ก็จะจากไป หรืออาจไปเริงร่ากับคู่รักใหม่ในช่วงที่ยังไม่สิ้นฤดูหนาว

“เป็ดแมนดาริน เป็นสัตว์ที่ค่อนข้างเปรียว ปีหนึ่งวางไข่ฤดูเดียว ชุดเดียวเอง ออก 10 ฟองบ้าง 12 ฟองบ้าง ถ้าผิดพลาดปีนี้เกิดไม่ได้สักฟองเลยก็ต้องรอปีหน้าใหม่ ซึ่งวิธีฟักไข่ เราต้องเอามาเข้าตู้ฟักที่ทำขึ้นมาใช้โดยเฉพาะ แต่ปัญหาที่เกิดส่วนใหญ่ คือไข่มันไม่ค่อยมีเชื้อ”

ช่วงฤดูฟักไข่ ประมาณเดือนมีนาคมถึงเมษายน ในครั้งหนึ่งสามารถออกไข่ได้ถึง10 ฟอง แต่จะเหลือรอดออกมาเป็นตัวได้นั้น ก็แล้วแต่ดวง

“ไข่เนี่ย ถ้ามันไม่มีเชื้อ ยกตัวอย่างเหมือนกับไก่ไข่ที่เราไปซื้อตามท้องตลาด มันไม่มีเชื้อเพราะมันไม่เจอตัวผู้ มันไม่ได้ผสมพันธุ์ ถ้าเป็ดแมนดารินนี่ มีตัวผู้ผสมพันธุ์ แต่กลับไม่มีเชื้อ สาเหตุจากตัวผู้อาจจะเป็นหมัน ตัวเมียอาจจะไม่พร้อม หรืออะไรก็ได้ มันมีปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้ไม่ได้ผลผลิตตามต้องการ”



เป็ดแมนดาริน

การผสมพันธุ์และเทคนิคฟาร์มเลี้ยง

โดยธรรมชาติแล้วหงส์จะไข่ประมาณปีละครั้งเท่านั้น แต่เมื่อคนนำมาเพาะเลี้ยงและต้องการให้ได้ลูกจำนวนมากขึ้น จึงมีวิธีการเลี้ยงเพื่อให้หงส์ได้ออกไข่ประมาณ 2-4 ครั้งต่อปี

เมื่อพ่อแม่พันธุ์อายุได้ประมาณ 1.5-2 ปี ก็จะถึงวัยผสมพันธุ์ซึ่งจะเป็นฤดูกาลที่อากาศค่อนข้างเย็น เช่นหน้าฝน หรือหน้าหนาว ประมาณช่วงเดือนมิถุนายนถึงปลายเดือนกุมภาพันธ์ บางครั้งออกไข่หลงฤดูก็มีอยู่ให้เห็นบ้างเหมือนกัน ส่วนหน้าร้อนจะไม่ค่อยผสมพันธุ์ ซึ่งในตอนนั้นจะเป็นช่วงผลัดขนใหม่ของหงส์

“บางทีไข่ออกมา 5 ฟอง ได้ 2 ตัวก็มี ได้ 5 ตัวก็มี ไม่มีเหลือเลยก็เคยมีมาแล้ว แต่โดยเกณฑ์จะออกไข่ประมาณ 6 ฟองต่อครั้ง เวลาไข่เราต้องตรวจเชื้อดูก่อนว่ามีเชื้อไหม ถ้ามีเชื้อก็ให้แม่เขาฟักต่อ ถ้าไม่มีเชื้อก็เอาไข่นั้นมาต้มปรุงเป็นอาหารกินได้ แต่ที่สำคัญหงส์จะตรวจเชื้อยาก เพราะเปลือกไข่มีความหนา จึงดูยากไม่เหมือนไข่ไก่ แต่จากประสบการณ์จึงดูรู้ว่าฟักมาแล้วกี่วัน และอีกกี่วันจึงจะเกิด”

“ปกติหงส์จะไม่ทำอันตรายใดๆ กับคน นอกจากคนเข้าไปเอาไข่ออกมาจากรัง ในช่วงเวลาที่ลูกหงส์ใกล้จะเกิด เขาจะหวงมาก พอคนเข้าไปใกล้อาจใช้ปีกตีเราได้ เจ็บนะ…บวมเลยแหละ จึงต้องใช้คนช่วยกันกันไว้ เพื่อเอาไข่มาฟักในตู้ฟักอีกทีหนึ่ง เพราะจะได้เกิดในตู้ฟักไข่ ทำให้ดูแลง่าย และมีโอกาสตายต่ำกว่า”

หงส์จะฟักเมื่อประมาณ 30-33 วัน ในช่วงก่อนจะเกิดผู้เลี้ยงต้องไปนำไข่ออกมา ตอนประมาณสัก 25 วัน แล้วนำไข่มาไว้ในตู้ฟัก หลังจากนั้นประมาณ 1 อาทิตย์เจ้าตัวเล็กก็จะเกิด นี่แหละถือเป็นเทคนิคของลำไทรฟาร์ม

หลายคนอาจตั้งคำถามว่าแล้วทำไมไม่เก็บไข่มาตั้งแต่แรกๆ ที่เกิดเลย แม่จะได้ไม่ต้องฟักและไม่ต้องเสียเวลา “แต่การทำอย่างนั้นจะมีเปอร์เซนต์การเกิดต่ำ เพราะอุณหภูมิในตู้อบฟักไข่กับแม่เขาฟักนั้นไม่เหมือนกัน ธรรมชาติมันดีกว่า และถ้าถามว่าทำไมไม่ให้แม่ฟักจนเกิดเลย จริงๆ แล้วมันก็ทำได้เหมือนกัน แต่โอกาสการสูญเสียมีสูง แม่เหยียบตายบ้าง หรือไม่ก็มีมดเข้าไปกัดตายบ้าง เราเลยต้องหยิบไข่ก่อนเกิดให้มาเกิดในตู้ฟักแทน ผสมผสานระหว่างธรรมชาติและการใช้เทคโนโลยีช่วยในการฟักไข่”

“ส่วนเรื่องอายุขัยเอาแน่เป็นเกณฑ์ไม่ได้ บางตัวมีอายุเป็น 10 ปีก็เคยมีมาแล้วหลายตัว แต่การสืบพันธุ์จะช้า การให้ลูกจึงช้า เพราะมันเริ่มแก่แล้ว ไม่ใช่วัยเจริญพันธุ์ตอนอายุ 2 ปี ช่วงนี้จะเป็นวัยหนุ่มสาว จึงให้ผลผลิตค่อนข้างดี”

เลี้ยงเลียนแบบธรรมชาติ

ลำไทรฟาร์มมีพ่อแม่พันธุ์อยู่ทั้งหมด 3 คู่ หรือ 6 ตัว ซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงเดิมที่มีอยู่แล้วในฟาร์ม และมีนำเข้าจากประเทศฮอลแลนด์มาใหม่อีก 7 ตัว ซึ่งยังอยู่ในช่วงปรับสภาพ เพื่อให้เกิดความคุ้นเคยกับอากาศเมืองไทย และอาหารไทยในท้องถิ่น

“เวลาเลี้ยงต้องมีพื้นที่น้ำและดินคาบเกี่ยวกัน ชีวิตแต่ละวันของหงส์มักจะอาศัยอยู่ในน้ำเป็นส่วนใหญ่ แต่เวลาฟักไข่จะอาศัยอยู่บนบกมากขึ้น ซึ่งที่อยู่บนบกอาจทำเป็นคอกเลี้ยงติดริมน้ำ โดยมีขนาดพอเหมาะแล้วแต่ความกว้างของพื้นที่”

หงส์เป็นสัตว์ที่ชอบลอยน้ำกินอาหาร ฉะนั้นผู้เลี้ยงจึงต้องแขวนอาหารให้ลอยอยู่เหนือน้ำ อาจใช้กะละมังใบใหญ่ก็ได้ หงส์จะลอยตัวว่ายไปกินอาหารที่จัดให้ไว้ ส่วนผักหญ้าก็จะหากินอยู่ในน้ำเช่นเดียวกัน จึงมีพฤติกรรมการกินไม่เหมือนห่านที่มักหาอาหารอยู่บนบกมากกว่าในน้ำ ผู้เลี้ยงจึงต้องศึกษาลักษณะนิสัยและความเป็นอยู่ของสัตว์แต่ละชนิดด้วย

อาหารหลักๆ ของหงส์ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารไก่ ในแต่ละวันตัวหนึ่งๆ กินเกือบ 1 กิโลกรัม โดยให้ไว้ในตอนเช้าและเย็น ส่วนอาหารเสริมจะเป็นผัก จำพวกผักตบชวา ถือเป็นของโปรดเลยทีเดียว และเป็นการกำจัดผักตบชวาในธรรมชาติไม่ให้มีมากจนเกินไปอีกด้วย นอกจากนี้จะเป็นผักจำพวกแหน เป็นต้น

ด้วยราคาของหงส์ที่แพงลิบ คนเลี้ยงจึงต้องป้องกันการหนีด้วยการตัดเนื้อปีกข้างใดข้างหนึ่งออกเสียก่อนในขณะที่ยังเด็กอยู่ ซึ่งการตัดปีกนั้นถือว่าเป็นที่ต้องการของลูกค้า จึงสามารถกระตุ้นยอดขายได้อีกทางหนึ่งเลยทีเดียว

“หงส์บินได้นะลูกค้าเขาก็กลัวถ้าบินหนีไป เขาก็เสียดายตังค์ ฉะนั้นเวลาเลี้ยงหงส์ ลูกที่เกิดมาใหม่จะต้องตัดปีกออก 1 ข้าง ภายใน 2 วัน เวลาบินจึงบินไม่ค่อยได้ เพราะปีกเสียสมดุล ถ้าหงส์ตัวไหนที่ไม่ได้ตัดปีกมาก่อน เราสามารถเอามาตัดขนข้างหนึ่งสัก 6-7 เส้นได้ ก็จะบินไม่ค่อยได้เหมือนกัน แต่ว่าเมื่อครบหนึ่งปี ผลัดขนขึ้นมาใหม่ ก็ต้องถูกตัดใหม่ และต้องตัดไปเรื่อยๆ ทุกปี แต่ถ้าตัดเนื้อปีกตั้งแต่เด็กๆ นี่จะตลอดชีพ”

สิ่งที่คนเลี้ยงต้องระวัง คือ โรคภัยที่เกิดจากฝีมือของตัวเราเอง 1.น้ำในบึงไม่สะอาดพอ อาจเกิดจากสิ่งแปลกปลอมตกลงไป 2.อาหารชื้นจึงเป็นสาเหตุของการเกิดเชื้อรา เพราะในอาหารไก่เป็นจำพวกรำ ปลาบ่น เมื่อเติมอาหารลงไปเรื่อยๆ โดยไม่ดูอาหารเก่าที่ค้างอยู่ ก็จะเป็นที่สะสมเชื้อรา เมื่อหงส์กินจึงไปสะสมอยู่ในร่างกาย โดยบางครั้งอาจไม่แสดงอาการอะไรเลยในขณะป่วย จนกระทั่งตายไป จึงทำให้รักษาไม่ทัน ฉะนั้นถ้าผู้เลี้ยงมีความใส่ใจดูแลเป็นอย่างดี สัตว์ก็จะมีภูมิคุ้มกัน และห่างไกลโรคภัยได้

ลูกค้าเศรษฐี

ลูกค้าส่วนใหญ่จัดว่าเป็นคนมีฐานะระดับหนึ่ง เพราะว่าหงส์แต่ละตัวมีราคาค่อนข้างแพง ถือว่าเป็นสัตว์เลี้ยงไว้โชว์ จึงเป็นของฟุ่มเฟือย เพราะฉะนั้นคนซื้อจึงเป็นกลุ่มคนรวย ฐานะดี ไม่ว่าจะเป็นนายทหาร ตำรวจ นักธุรกิจ นักการเมือง ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่เทียวมาซื้ออยู่ประจำ

“ลูกค้ากลุ่มนี้ เขาซื้อไปประดับบ้าน อาจไปไว้ที่สนามกอล์ฟบ้าง หมู่บ้านบ้าง หรือร้านค้าที่ไว้ดึงดูดลูกค้าให้เข้าร้าน และบางแห่งอาจมีอาหารสัตว์ขาย เพื่อให้ลูกค้าหรือคนที่ผ่านไปผ่านมาซื้อแล้วเอาไปให้หงส์ ถือเป็นการตลาด ทำให้มีรายได้เข้ามาอีกทางหนึ่ง”

ราคาขายมีทั้งเป็นตัวและคู่ แต่ส่วนใหญ่ทางฟาร์มจะขายเป็นคู่ ซึ่งราคาขึ้นอยู่กับไซส์ ถ้าเป็นหงส์ขาวคอดำไซส์โต มีอายุราว 7-8 เดือน ขายคู่ละ 100,000 บาทขึ้นไป ราคาที่ขายปัจจุบันอยู่ระหว่าง 120,000-150,000 บาท นอกจากนี้ ถ้าเป็นหงส์ดำ คู่ละ 40,000 บาท หงส์ขาว ประมาณ คู่ละ 45,000-50,000 บาท ถ้าซื้อเพียงตัวเดียวก็จะขายครึ่งหนึ่งของราคาคู่

“ตอนนี้เหลือลูกหงส์อยู่ไม่กี่ตัว เพราะลูกค้าเขามาวางมัดจำไว้หมดแล้ว บางทีเราจะคอยให้โตก่อน แต่ลูกค้าก็เกรงว่าเขาจะไม่ได้ เขาก็จะเอาไซส์เด็กแรกเกิดไปเลย อย่างหงส์ขาวคอดำ อายุ 7 วัน ขายราคาตัวละ 20,000 บาท ส่วนหงส์ดำ ตัวละ 6,000 บาท”

ทุกวันนี้มีลูกค้าทั่วประเทศติดต่อมาซื้อหงส์ของลำไทรฟาร์ม แต่ในบางช่วงก็หมด จึงต้องมีการสั่งจองไว้ก่อน ไม่ว่าจะสั่งจองแบบปากเปล่า หรือวางเงินมัดจำ เจ้าของฟาร์มบอกว่า “วัดใจกันไป” แต่พอไปส่งครั้งใดก็ไม่เคยฟาวล์เลยสักที เพราะลูกค้ามีแต่ระดับชั้นเลิศทั้งนั้น

“ลูกค้าส่วนใหญ่จะมารับเองที่ฟาร์ม แต่บางรายก็จัดส่งให้ ส่วนใหญ่จะไปรถส่งตามต่างจังหวัด ถ้าไม่ไกลมากนัก แต่ถ้าไปไกล ก็จะส่งขึ้นเครื่องบินภายในประเทศ โดยทำเรื่องเคลื่อนย้าย ขั้นตอนเริ่มแรกเลยต้องให้สัตวแพทย์กรมปศุสัตว์เอาอุจจาระไปตรวจก่อน เมื่อตรวจแล้วไม่พบเชื้ออะไร เขาก็จะออกใบรับรองว่าสัตว์สมบูรณ์ จากนั้นนำไปให้หมอสำนักงานเขตเพื่อออกใบเคลื่อนย้ายให้เรา เมื่อสัตว์ถึงปลายทางก็ไปรับเอา ราคาค่าส่งประมาณกิโลกรัมละ 50 บาท ล่าสุดส่งไป 2 คู่ หมดไป 3,000 กว่าบาท”

ติดตามรีวิวสัตว์เลี้ยง : รีวิวสัตว์เลี้ยง

สามารถติดตามความน่ารักของสัตว์เลี้ยงต่อไปได้ที่  : baanpet