https://baanpet.com/

ช้าง

ช้าง

ช้าง เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมขนาดใหญ่ในวงศ์ Elephantidae ปัจจุบันรับรองว่ามีอยู่ 3 สปีชีส์ คือ ช้างแอฟริกา, ช้างป่าแอฟริกา และช้างเอเชีย วงศ์ Elephantidaeเป็นวงศ์เดียวที่ยังไม่สูญพันธุ์ในอันดับ Proboscidea สมาชิกที่สูญพันธุ์ไปแล้ว เช่น มาสโตดอน (mastodon) วงศ์ Elephantidae ยังมีกลุ่มที่บัดนี้สูญพันธุ์ไปแล้วหลายกลุ่ม รวมทั้งช้างแมมมอธและช้างงาตรง ช้างแอฟริกามีหูขนาดใหญ่กว่าและหลังเว้า ส่วนช้างเอเชียมีหูขนาดเล็กกว่าและมีหลังนูนหรือราบ ลักษณะเด่นของช้างทุกชนิดได้แก่ งวงยาว หูกางขนาดใหญ่ ขาใหญ่ และผิวหนังที่หนาแต่ละเอียดอ่อน งวงใช้สำหรับการหายใจ หยิบจับอาหารและน้ำเข้าปา และคว้าวัตถุ งาซึ่งดัดแปลงมาจากฟันตัด ใช้เป็นทั้งอาวุธและเครื่องมือสำหรับเคลื่อนย้ายวัตถุและขุดดิน หูกางขนาดใหญ่ช่วยในการคงอุณหภูมิกายให้คงที่ เช่นเดียวกับใช้ในการสื่อสาร ขาใหญ่เหมือนเสารองรับน้ำหนักตัว ช้างเป็นสัตว์บกขนาดใหญ่สุดเท่าที่มีอยู่ในปัจจุบัน

ช้างกระจัดกระจายอยู่ทั่วแอฟริกาใต้สะฮารา เอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และพบได้ในที่อยู่อาศัยหลากหลาย ทั้งสะวันนา ป่า ทะเลทรายและที่ลุ่มชื้นแฉะ ช้างเป็นสัตว์กินพืช และอาศัยอยู่ใกล้แหล่งน้ำเมื่อสามารถเข้าถึงได้ ช้างถือเป็นสิ่งมีชีวิตหลัก เนื่องจากผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สัตว์อื่นมักรักษาระยะห่างจากช้าง โดยมีข้อยกเว้นคือสัตว์นักล่าช้าง เช่น สิงโต เสือโคร่ง ไฮยีนาและหมาป่าทุกชนิด ซึ่งปกติมักเลือกช้างอ่อนเป็นเป้าหมายเท่านั้น ช้างมีสังคมฟิชชัน–ฟิวชัน หมายความว่า กลุ่มครอบครัวหลายกลุ่มมารวมกันเข้าสังคม ช้างเพศเมีย (ช้างพัง) มักอาศัยอยู่เป็นกลุ่มครอบครัว ซึ่งอาจประกอบด้วยช้างเพศเมียหนึ่งตัวและลูกช้างหรือช้างเพศเมียหลายตัวที่มีความเกี่ยวดองกันกับลูก ๆ โดยไม่มีช้างเพศผู้ (ช้างพลาย) กลุ่มนี้มีช้างพังที่ปกติอายุมากที่สุดเป็นหัวหน้า

ช้างพลายออกจากลุ่มครอบครัวเมื่อถึงวัยเริ่มเจริญพันธุ์ และอาจอยู่สันโดษหรืออยู่กับช้างพลายตัวอื่น ช้างพลายโตเต็มวัยมีปฏิสัมพันธ์กับกลุ่มครอบครัวเมื่อหาคู่และเข้าสู่ภาวะที่มีเทสโทสเตอโรนและความก้าวร้าวสูงขึ้น เรียก ตกมัน ซึ่งช่วยให้พวกมันถือความเป็นใหญ่และสืบพันธุ์ได้สำเร็จ ลูกช้างเป็นศูนย์กลางความสนใจของกลุ่มครอบครัวและต้องอาศัยแม่เป็นเวลานานสุดสามปี ช้างป่ามีชีวิตอยู่ได้ถึง 70 ปี ช้างสื่อสารกันโดยการสัมผัส การมองเห็น การรับกลิ่นและการฟังเสียง ช้างใช้อินฟราซาวน์ และการสื่อสารไหวสะเทือนเป็นระยะทางไกล สติปัญญาของช้างเทียบได้กับสติปัญญาของไพรเมตและอันดับฐานวาฬและโลมา ช้างดูมีความสำนึกเกี่ยวกับตนเองและแสดงความเห็นใจต่อช้างที่กำลังตายหรือช้างที่ตายแล้ว

สหภาพระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติจัดช้างแอฟริกาเป็นชนิดที่เกือบอยู่ในข่ายใกล้การสูญพันธุ์ และช้างเอเชียเป็นชนิดใกล้สูญพันธุ์ ภัยคุกคามต่อประชากรช้างใหญ่สุดประการหนึ่งคือการค้างาช้าง ซึ่งทำให้ช้างถูกบุกรุกเข้าไปล่าเพื่อเอางา ภัยคุกคามช้างป่าประการอื่นได้แก่การทำลายที่อยู่อาศัยและความขัดแย้งกับประชากรท้องถิ่น มีการใช้ช้างเป็นสัตว์ใช้แรงงานในทวีปเอเชีย และยังมีการจัดแสดงในสวนสัตว์หรือถูกใช้ประโยชน์สำหรับความบันเทิงในละครสัตว์ ช้าง

ช้าง

เป็นสัตว์ที่มนุษย์รู้จักดีและปรากฏทั้งในศิลปะ นิทานพื้นบ้าน ศาสนา วรรณกรรมและวัฒนธรรมสมัยนิยม

อนุกรมวิธานและวิวัฒนาการ

สกุลช้างแอฟริกาประกอบด้วยช้างสอง หรืออาจแย้งได้ว่า สามชนิดที่ยังคงมีชีวิตอยู่ ขณะที่สปีชีส์ช้างเอเชียเป็นชนิดเดียวที่ยังคงมีชีวิตอยู่ในสกุลช้างเอเชีย แต่สามารถแบ่งออกได้เป็นสี่สปีชีส์ย่อย ช้างแอฟริกาและช้างเอเชียวิวัฒนาการมาจากบรรพบุรุษร่วมกันเมื่อราว 7.6 ล้านปีก่อน

ช้างแอฟริกา

ดูบทความหลักที่: สกุลช้างแอฟริกา, ช้างแอฟริกา และ ช้างป่าแอฟริกา

ช้างแอฟริกา

ช้างในสกุล Loxodonta ที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่าช้างแอฟริกานั้น ปัจจุบันพบอยู่ใน 37 ประเทศในทวีปแอฟริกา

ช้างแอฟริกามีความแตกต่างจากช้างเอเชียหลายประการ ที่สังเกตเห็นได้ชัดเจนที่สุดคือหูที่มีขนาดใหญ่กว่าช้างเอเชียมาก นอกจากนี้ ช้างแอฟริกายังมีขนาดใหญ่กว่าช้างเอเชียอย่างเห็นได้ชัดและมีหลังเว้า ในช้างเอเชีย มีเพียงเพศผู้เท่านั้นที่มีงา แต่ช้างแอฟริกาทั้งเพศผู้และเพศเมียล้วนมีงาและมักจะมีขนน้อยกว่าช้างเอเชีย

ช้างแอฟริกาเดิมเคยถูกจัดเป็นสปีชีส์เดียวซึ่งประกอบด้วยสองสปีชีส์ย่อย ชื่อว่า ช้างสะวันนา (Loxodonta africana africana) และช้างป่า (Loxodonta africana cyclotis) แต่การวิเคราะห์ดีเอ็นเอล่าสุดเสนอแนะว่าทั้งสองนี้อาจเป็นคนละสปีชีส์กัน[2] การแบ่งนี้ไม่ได้รับการยอมรับเป็นสากลโดยผู้เชี่ยวชาญ[3] นอกจากนี้ยังมีการเสนอช้างแอฟริกาสปีชีส์ที่สามอยู่

ผู้แต่งการวิเคราะห์ดีเอ็นเอนิวเคลียสที่สกัดมาจาก “ช้างสะวันนาแอฟริกา ช้างป่าแอฟริกา ช้างเอเชีย มาสโตดอนอเมริกาซึ่งสูญพันธุ์ไปแล้ว และแมมมอททุนดรา” ได้มีข้อสรุปในปี ค.ศ. 2010 ว่าช้างสะวันนาแอฟริกาและช้างป่าแอฟริกานั้น แท้จริงแล้วเป็นคนละสปีชีส์กัน โดยระบุว่า

เราได้พิสูจน์อย่างไม่ต้องสงสัยเลยว่าช้างเอเชียเป็นสปีชีส์พี่น้องของแมมมอททุนดรา การค้นพบอันน่าประหลาดใจจากการศึกษาของเรานั้นคือการวิวัฒนาการแยกออกจากกันของช้างสะวันนาและช้างป่าแอฟริกา ซึ่งบางคนเห็นว่าเป็นประชากรสองกลุ่มในสปีชีส์เดียวกัน นั้นเกิดขึ้นในอดีตนานพอ ๆ กับที่ช้างเอเชียวิวัฒนาการแยกออกจากแมมมอท และด้วยการวิวัฒนาการแยกออกจากกันแต่โบราณนี้เอง เราจึงสรุปว่าช้างสะวันนาและช้างป่าแอฟริกาควรจะถูกจัดเป็นคนละสปีชีส์กัน[5]

ช้างป่าและช้างสะวันนาสามารถเกิดลูกผสมขึ้นได้ แต่เนื่องจากช้างทั้งสองชอบอาศัยอยู่ในภูมิประเทศที่แตกต่างกันจึงลดโอกาสที่จะผสมข้ามสปีชีส์ เนื่องจากช้างแอฟริกาเพิ่งจะได้รับการยอมรับว่าประกอบด้วยสองสปีชีส์ที่แตกต่างกัน กลุ่มของช้างที่ถูกจับยังไม่ได้รับการจัดประเภทอย่างทั่วถึงและบางเชือกอาจเป็นลูกผสมก็เป็นได้

ภายใต้การจำแนกสองสปีชีส์ใหม่นี้ Loxodonta africana หมายความถึงแต่ช้างสะวันนา ซึ่งเป็นช้างที่มีขนาดใหญ่ที่สุด โดยเป็นสัตว์บกที่มีขนาดใหญ่ที่สุด เพศผู้มีความสูงระหว่าง 2.2 ถึง 8.7 เมตรเมื่อวัดจากพื้นถึงไหล่ และหนัก 2,700 กิโลกรัม โดยตัวที่หนักที่สุดนั้นมีบันทึกไว้ที่ 9,000 กิโลกรัม เพศเมียตัวเล็กกว่า สูงจากพื้นถึงไหล่วัดได้ 3 เมตร ช้างสะวันนามักจะพบได้ในทุ่งหญ้าเปิด บึงและริมทะเลสาบ มีถิ่นที่อยู่อาศัยครอบคลุมเขตซะวันนาแถบตอนใต้ของทะเลทรายสะฮารา

ช้างป่าแอฟริกา

ส่วนช้างอีกสปีชีส์หนึ่งนั้น คือ ช้างป่า (Loxodonta cyclotis) มักจะมีขนาดเล็กกว่าและกลมกว่า งาของมันจะบางกว่าและตรงกว่าเมื่อเทียบกับช้างสะวันนา ช้างป่าสามารถหนักได้ถึง 3,500 กิโลกรัม และสูงราว 2.5 เมตร ช้างชนิดนี้เป็นที่รู้จักกันน้อยกว่าช้างสะวันนามาก เนื่องจากอุปสรรคทางธรรมชาติและทางการเมืองทำให้การศึกษาพวกมันเป็นไปได้ยาก โดยปกติแล้ว พวกมันจะอาศัยอยู่ในป่าฝนแอฟริกาที่หนาทึบที่อยู่ทางตอนกลางและทางตะวันตกของทวีปแอฟริกา แม้ว่าในบางครั้งอาจพบพวกมันอยู่ตามชายป่าอยู่บ้าง และอาจทับซ้อนกับถิ่นที่อยู่และถิ่นผสมพันธุ์ของช้างสะวันนา ในปี ค.ศ. 1979 เอียน ดัคลาส-ฮามิลตัน ประเมินประชากรช้างแอฟริกาไว้ที่ 1.3 ล้านตัว การประเมินตัวเลขดังกล่าวเป็นที่โต้เถียงกันและเชื่อว่าเป็นตัวเลขที่สูงกว่าความเป็นจริง แต่ตัวเลขดังกล่าวมักจะได้รับการอ้างอิงอย่างกว้างขวางและได้กลายมาเป็นเส้นฐานโดยพฤตินัยซึ่งมักใช้อย่างผิด ๆ ในการบอกจำนวนของประชากรช้างที่ลดจำนวนลง ตลอดช่วงคริสต์ทศวรรษ 1980 Loxodonta ได้รับความสนใจจากทั่วโลกเนื่องจากการลดจำนวนของประชากรกลุ่มใหญ่ในแอฟริกาตะวันออก ซึ่งส่วนใหญ่นั้นเป็นผลมาจากการล่าสัตว์ ตาม “รายงานสถานะช้างแอฟริกา พ.ศ. 2550” โดยสหภาพนานาชาติเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติและทรัพยากรธรรมชาติ (IUCN) นั้น พบช้างแอฟริกาอาศัยอยู่ในธรรมชาติระหว่าง 470,000 และ 690,000 ตัว ถึงแม้ว่าการประเมินดังกล่าวจะครอบคลุมเพียงครึ่งหนึ่งของถิ่นที่อยู่อาศัยของช้างทั้งหมด แต่ผู้เชี่ยวชาญก็ไม่เชื่อว่าจำนวนที่แท้จริงจะสูงไปกว่านี้ เนื่องจากไม่คาดว่าประชากรกลุ่มใหญ่จะถูกค้นพบอีกในอนาคต[11] จนถึงขณะนี้ ประชากรช้างกลุ่มใหญ่ที่สุดพบได้ทางใต้และตะวันออกของทวีปแอฟริกา ซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ของช้างทั้งหมด จากการวิเคราะห์ล่าสุดโดยผู้เชี่ยวชาญของ IUCN นั้น ประชากรกลุ่มใหญ่จำนวนมากทางตะวันออกและใต้ของแอฟริกานั้นเสถียรหรือเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่กลางคริสต์ทศวรรษ 1990 ด้วยอัตราเฉลี่ย 4.5% ต่อปี

ตรงกันข้ามกับประชากรช้างในแอฟริกาตะวันตกที่มักมีขนาดเล็กและอยู่กันอย่างกระจัดกระจาย และคิดเป็นสัดส่วนน้อยต่อประชากรช้างทั้งหมด[13] ประชากรช้างในตอนกลางของแอฟริกานั้นยังไม่แน่ชัด ขณะที่ความหนาแน่นของป่าทำให้การสำรวจประชากรเป็นไปได้อย่างยากลำบาก แต่เชื่อว่าการบุกรุกเข้าไปล่าเอางาและเนื้อจะเกิดขึ้นบ่อยครั้งในภูมิภาคนี้ ประชากรช้างในแอฟริกาใต้เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างมาก โดยเพิ่มขึ้นจาก 8,000 เป็น 20,000 ตัวในรอบสิบสามปี หลังจากการห้ามค้างาช้างในปี ค.ศ. 1995

ช้างเอเชีย

ดูบทความหลักที่: ช้างเอเชีย

ช้างเอเชีย

ช้างเอเชีย หรือเรียกว่า ช้างอินเดีย (Elephas maximus) มีขนาดเล็กกว่าช้างแอฟริกามาก มีหูเล็กกว่า และที่สังเกตได้ชัดเจนคือ มีเพียงเพศผู้เท่านั้นที่มีงาขนาดใหญ่โผล่ออกมาให้เห็น

ประชากรช้างเอเชียทั่วโลกประเมินไว้อยู่ที่ราว 60,000 ตัว คิดเป็นหนึ่งในสิบของประชากรช้างแอฟริกา หรือหากจะกล่าวให้เจาะจงไปกว่านั้น โดยระหว่าง 41,410 และ 52,345 ตัวที่อาศัยอยู่ในธรรมชาติ และระหว่าง 14,500 และ 15,300 เชือกที่ถูกเลี้ยงไว้ในทวีปเอเชีย โดยอาจมีอีกราว 1,000 เชือกที่อยู่กระจัดกระจายไปตามสวนสัตว์ทั่วโลก เป็นไปได้ว่าช้างเอเชียอาจลดจำนวนลงในอัตราที่ช้ากว่าช้างแอฟริกา และส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการบุกรุกเข้าไปล่าสัตว์และการทำลายถิ่นที่อยู่อาศัยจากการรุกล้ำของมนุษย์

Elephas maximus ได้ถูกจำแนกออกเป็นหลายสปีชีส์ย่อย โดยอาศัยข้อมูลทางสัณฐานวิทยาและโมเลกุลเครื่องหมาย

  • Elephas maximus maximus (ช้างศรีลังกา) พบได้เฉพาะบนเกาะศรีลังกา และเป็นช้างขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาช้างเอเชีย มีการประเมินว่าช้างศรีลังกานี้มีชีวิตเหลืออยู่ในธรรมชาติเพียง 3,000-4,500 ตัวเท่านั้น ถึงแม้ว่าจะยังไม่มีการสำรวจตัวเลขที่แน่ชัดเมื่อเร็ว ๆ นี้ เพศผู้ตัวใหญ่นั้นสามารถหนักได้ถึง 4,400 กิโลกรัม และสูงกว่า 6 เมตร ช้างศรีลังกาเพศผู้มีกะโหลกนูนขนาดใหญ่มาก และทั้งสองเพศมีบริเวณรอยด่างมากกว่าช้างเอเชียอื่นทั้งหมด หู หน้า งวง และช่วงท้องจะมีหนังเป็นรอยด่างสีชมพูขนาดใหญ่ ซึ่งสามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน
  • Elephas maximus indicus (ช้างอินเดีย) เป็นช้างเอเชียที่มีประชากรมากที่สุด มีอยู่ราว 36,000 ตัว ช้างเหล่านี้มีสีเทาอ่อน และมีรอยด่างเฉพาะบนหูและงวง เพศผู้ตัวใหญ่นั้นมีน้ำหนักระหว่าง 2,000-5,000 กิโลกรัม แต่มีความสูงเท่ากับช้างศรีลังกา ช้างอินเดียนี้สามารถพบได้ในประเทศเอเชีย 11 ประเทศ ไล่ตั้งแต่อินเดียไปจนถึงอินโดนีเซีย พวกมันชอบอาศัยอยู่ในพื้นที่ป่าและบริเวณรอยต่อระหว่างป่ากับทุ่งหญ้า ซึ่งสามารถหาอาหารได้หลายชนิดกว่า
  • Elephas maximus sumatranus (ช้างสุมาตรา) พบเฉพาะบนเกาะสุมาตรา มีขนาดเล็กกว่าช้างอินเดียและช้างเอเชียชนิดอื่น ๆ มีประชากรอยู่ระหว่าง 2,100 ถึง 3,000 ตัว มีสีเทาจางและมีรอยด่างน้อยกว่าช้างเอเชียอื่น โดยมีจุดสีชมพูเฉพาะบนหูเท่านั้น ช้างสุมาตราตัวเต็มวัยมีความสูงจากพื้นถึงไหล่วัดได้ 2-2.2 เมตร และหนักระหว่าง 2,000-4,000 กิโลกรัม มักอาศัยอยู่ในพื้นที่ป่าและถิ่นที่อยู่ปกคลุมด้วยต้นไม้บางส่วน
  • Elephas maximus borneensis (ช้างแคระบอร์เนียว) เป็นสปีชีส์ย่อยใหม่ซึ่งได้รับการจำแนกในปี ค.ศ. 2003 มันมีขนาดเล็กกว่าและเชื่องกว่าช้างเอเชียอื่น ๆ มันค่อนข้างมีหูขนาดใหญ่กว่า หางยาวกว่าและงาตรงกว่า มีประชากรราว 1,500 ตัว

ติดตามรีวิวสัตว์เลี้ยง : รีวิวสัตว์เลี้ยง

สามารถติดตามความน่ารักของสัตว์เลี้ยงต่อไปได้ที่ : baanpet