https://baanpet.com/

จระเข้ (Crocodile)

จระเข้-(Crocodile)

จระเข้ (Crocodile) คือ จัดเป็นสัตว์เศรษฐกิจครึ่งน้ำครึ่งบกชนิดหนึ่งที่มีมูลค่าต่อตัวสูง เนื่องจาก อวัยวะสามารถนำมาจำหน่าย และใช้ประโยชน์ได้ทุกส่วน โดยเฉพาะหนัง เนื้อ และเลือดที่มีราคาสูงมาก

สถานะ

จระเข้ เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามกฎหมายพระราชบัญญัติสงวน และคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 ประกอบด้วยจระเข้น้ำจืดไทย จระเข้น้ำเค็ม และตะโขง ที่ห้ามล่า ห้ามครอบครอง ห้ามเพาะพันธุ์ ห้ามนำเข้า และส่งออก แต่เป็นสัตว์ในรายชื่อสัตว์ป่าที่สามารถเพาะเลี้ยงในเชิงพาณิชย์ได้ (เฉพาะจระเข้น้ำจืดไทย และจระเข้น้ำเค็ม) ตามมาตรา 17 และ18 ของกฎหมายดังกล่าว

ลักษณะทั่วไป

1. ผิวหนัง และลำตัว
จระเข้เป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มสัตว์เลื้อยคลานเลือดเย็น ลำตัวมีขนาดปานกลางถึงขนาดใหญ่มาก นํ้าหนักประมาณ 60-90 กรัม ความยาวลำตัวประมาณ 25-30 เซนติเมตร มีผิวหนังที่แข็งแรงคล้ายเกราะหุ้ม ผิวหนังส่วนหัวเชื่อมติดกับกะโหลก ส่วนท้ายทอยมีปุ่มเกล็ดแข็งที่ใช้จำแนกชนิดจระเข้ได้ (จำนวน และการเรียงตัว) ผิวหนังส่วนหลังเป็นเกล็ดหนารูปสี่เหลี่ยม บางเกล็ดมีกระดูกแข็งใต้เกล็ด เกล็ดท้องมีขนาดเล็กกว่าเกล็ดหลัง และส่วนมากไม่มีกระดูกใ่ต้เกล็ด ส่วนหลังมีสันเกล็ด ยาวตลอดแนวลำตัวจนถึงเกล็ดที่ 10 ของเกล็ดหาง หลังจากนั้นจะเป็นเกล็ดเดี่ยวเรียงต่อกันจนถึงปลายหาปาก และภายในปาก

2.ปากจระเข้ มีลักษณะยาว ปลายปากเชิดงอนขึ้น สามารถอ้าปากได้กว้างมาก เนื่องจากมีพังผืดที่สามารถยืดหดได้กว้าง ขากรรไกรหรือกรามมีความแข็งแรง แรงในการงับประมาณ 545 กิโลกรัม (1,200 ปอนด์/1 ตารางนิ้ว)

ฟันมีลักษณะเป็นกรวยอยู่บนขากรรไกรบน และขากรรไกรล่าง แบ่งออกเป็น 2 ชุด คือ ชุดฟันขนาดใหญ่ และชุดฟันขนาดเล็ก แต่ฟันไม่สามารถเคี้ยวอาหารได้ ใช้เพียงงับอาหารเท่านั้น

ลิ้นจระเข้มีลักษณะหนา และกว้างมาก มีสีครีมอมชมพู อยู่บริเวณพื้นของขากรรไกรล่าง เคลื่อนขึ้นลงได้อย่างรวดเร็ว เพื่อป้องกันนํ้าไหลเข้าสู่ลำคอในขณะอ้าปากจมูก

3.จมูกจระเข้ มีลักษณะยาวตามความยาวของปาก ใช้สำหรับหายใจ และดมกลิ่น มีรูจมูก 2 รู ปิดเปิดได้ ป้องกันไม่ให้นํ้าเข้าจมูก ขณะลอยน้ำ รูจมูกจะโผล่พ้นน้ำ

4.ตาจระเข้ อยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่าหน้า แต่อยู่ในระดับเดียวกันกับจมูก เมื่อจระเข้ลอยน้ำ ส่วนจมูกและตาจะโผล่เหนือนํ้า ลูกตาในเวลากลางวันมีสีดำ จะเหลืองในเวลากลางคืน มีหนังตา และเยื่อบางคอยปิดเปิดลูกตา ทำให้สามารถลืมตาในนํ้าได้ดี

5.หูจระเข้ มี 2 ข้าง อยู่บริเวณส่วนหลังของตา แต่ละข้างจะมีเนื้อเยื่อบางๆ กั้นควบคุมการเปิดปิดรูหู

6.หางจระเข้ มีลักษณะคล้ายใบพาย ยาว และแบนในแนวตั้ง มีเกล็ด 2 แถว เรียงจากลำตัวบริเวณขาหลังจนถึงกลางหาง จากนั้น จะเป็นเกล็ดแถวเดียวตลอดหาง ซึ่งหางจระเข้มีกล้ามเนื้อที่พลังมากใช้ในการว่ายนํ้าหรือโบกสะบัดไปมา ใช้กวาดใบไม้ใบหญ้ามาทำ รังวางไข่ และใช้เป็นอาวุธฟาดคู่ต่อสู้


7.ขาทั้ง 4 ข้าง ขนาดเล็ก ไม่สมดุลกับลำตัว ขามีเกล็ดขนาดเล็กๆ นิ้วมีพังผืด และมีเล็บยาวแข็งแรง ขาหน้ามีนิ้วเท้าข้างละ 5 นิ้ว ระหว่างนิ้วไม่มีพังผืดยึด ขาหลัง 2 ขา มีนิ้วเท้าข้างละ 4 นิ้ว ระหว่างนิ้วมีพังผืดยึด มีกำลังมากกว่าขาหน้า ใช้ยันตัว การเดินหรือการปีนป่ายที่สูง

8.อวัยวะภายใน และระบบย่อยอาหาร จระเข้ เป็นสัตว์เลื้อยคลานที่มีหัวใจครบทั้ง 4 ห้อง และมีกระบังลมกั้นระหว่างทรวงอกกับท้องเหมือนกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ซึ่งแตกต่างจากสัตว์เลื้อยคลานพวกอื่นๆ ที่มีหัวใจเพียง 3 ห้อง หัวใจจระเข้สามารถแยกเลือดดี และเลือดเสียออกจากกันได้ดี ไม่มีกระเพาะปัสสาวะ มีอาหารหลักคือเนื้อ การกินจะไม่เคี้ยว แต่จะกัดฉีกเหยื่อเป็นชิ้นๆ แล้วกลืนลงลำคอ มีระบบการย่อยอาหารที่สามารถย่อยกระดูกสัตว์ต่างๆได้

จระเข้-(Crocodile)

การดำรงชีพ และการสืบพันธุ์

รัง และการหาอาหาร
จระเข้จะทำรังในช่วงวางไข่เท่านั้น ตามบริเวณโพรงไม้หรือกอหญ้ารกข้างแม่น้ำหรือแหล่งน้ำ ด้วยการกวาดหรือพับต้นไม้มากองรวมกันเป็นกองสูง ส่วนในระยะที่ไม่มีการวางไข่ ทั้งตัวผู้ตัวเมียจะอาศัยอยู่ทั่วไปตามบริเวณที่มีต้นไม้หรือหญ้ารกสำหรับหลบซ่อนตัว

อาหารของจระเข้จะเป็นสัตว์ทุกชนิดที่หาได้ อาทิ ปลา นก หนู รวมถึงสัตว์ใหญ่ชนิดต่างๆ

การผสมพันธุ์ และออกลูก
ในฤดูผสมพันธุ์ จระเข้หลั่งสารที่ขับกลิ่นจากต่อมกลิ่นบริเวณโคนกรามล่าง และทวารหนัก กลิ่นนี้จะติดตามแหล่งที่อยู่ และบริเวณหาอาหารใกล้เคียงเพื่อเรียกคู่ของตนมาผสมพันธุ์กัน มีฤดูกาลผสมพันธุ์ในช่วงเดือนธันวาคม-พฤษภาคม โดยจระเข้น้ำจืดตัวเมียที่เข้าสู่วัยผสมพันธุ์ได้จะมีอายุประมาณตั้งแต่ 10 ปี ขึ้นไป ส่วนจระเข้น้ำเค็มตัวเมียจะมีอายุประมาณ 12-15 ปี ขึ้นไป และจะวางไข่ได้จนถึงอายุ 25 ปี ส่วนตัวผู้จะเริ่มเข้าสู่วัยผสมพันธุ์ได้ประมาณอายุ 12 ปี ขึ้นไป อัตราส่วนตัวผู้ต่อตัวเมีย 1:1 เมื่อผสมพันธุ์เสร็จจะเริ่มวางไข่หลังจากนั้นประมาณ 1 เดือน

ก่อนระยะวางไข่ 2-5 วัน แม่จระเข้จะหาแหล่งวางไข่ และสร้างรังสำหรับวางไข่ ซึ่งจะใช้ใบไม้หรือกอหญ้าปกทับไข่ไว้ ไข่มีสีครีม อัตราออกไข่ของจระเข้น้ำจืดเฉลี่ยที่ 20-40 ฟอง ขนาดไข่ประมาณ 73 x 48 มิลลิเมตร หนักประมาณ 110 กรัม ระยะไข่ฟักที่ 68-72 วันหลังวางไข่ ส่วนจระเข้น้ำเค็มเฉลี่ยที่ 30-50 ฟอง ขนาดไข่ประมาณ 79 x 50 มิลลิเมตร หนักประมาณ 120 กรัม ระยะไข่ฟักที่ 78-85 วันหลังวางไข่ เมื่อฝังออกจากไข่ ตัวอ่อนมีรูปร่างเหมือนตัวเต็มวัยทุกประการ แต่มีขนาดเล็กกว่า และสีคลํ้ากว่า สามารถเดิน และว่ายน้ำเองได้ทันทีหลังฟักออก (ผ่องพรรณ และแจ่มจันทร์, 2533)(1)

จระเข้ที่พบในประเทศไทยมี 3 ชนิด

1. จระเข้น้ำจืดไทย (Freshwater หรือ Siamese Crocodile)
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Crocodylus siamensis Schneider พบมากที่สุดในประเทศไทย

  1. จระเข้น้ำเค็มหรือจระเข้ปากแม่น้ำ (Saltwater หรือ Estaurine Crocodile)
    มีชื่อวิทยาศาสตร์ ว่า Crocodylus porosus Schneider พบตามแหล่งน้ำเค็มและน้ำกร่อย
  2. ตะโขง, จระเข้ปากกระทุงเหว (False Ghavial หรือ Malayan Gharial)
    มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Tomistoma schlegelii พบเฉพาะในจังหวัดภาคใต้

สามารถติดตามความน่ารักของสัตว์เลี้ยงต่อไปได้ที่ : baanpet