การเลี้ยงโคนม

สายพันธุ์โคนม
สายพันธุ์โคนั้นถือว่าสำคัญไม่น้อยในการเลี้ยงโคนม ถ้าเราเลี้ยงโคนมสายพันธุ์ในแถบเอเชียซึ่งเลี้ยงดูแลง่าย ก็จะให้น้ำนมน้อย แต่ถ้าเราเลี้ยงโคยุโรปแท้ๆที่ให้น้ำนมดีเราก็ไม่สามารถเลี้ยงได้ในอากาศที่ร้อนในบ้านเรา โดยสายพันธุ์โคนมมีดังนี้
1.พันธุ์โฮลสไตน์ ฟรี่เชี่ยน เป็นโคนมที่กำเนิดจากประเทศ ฮอลแลนด์ และนำไปเลี้ยงแพร่หลายในหลายๆประเทศและมักเรียกชื่อแตกต่างกัน
-ลักษณะมีสีขาวดำ ข้อขาและพู่หางต้องมีสีขาวจึงจะได้รับการรับรองพันธุ์หากมีสีดำเลยเข่ามาจะไม่ได้รับการจดเป็นพันธุ์แท้ เป็นโคขนาดใหญ่ให้น้ำนมดีประมาณ 5,000-8,000 กิโลกรัม ต่อปี สามารถใช้อาหารหยาบแปรเปลี่ยนเป็นน้ำนมได้เป็นอย่างดี ซึ่งในประเทศไทยก็ได้รับความนิยมมากเช่นกัน แต่ต้องเป็นพันธุ์ลูกผสม ที่มีสายเลือด 50%ขึ้นไป
2. พันธ์เรดเดน เป็นวัวที่กำเนิดในยุโรปในประเทศเดนมาร์ก ลักษณะใหญ่มีสีแดงเลือดหมู เป็นวัวที่ให้น้ำนมได้ดีประมาณ 6,000 กิโลกรัมต่อปี แต่ไม่สามรถทนร้อนในภูมิประเทศไทย
3.พันธุ์เยอรมันบราวน์ หรือบราวสวิส เป็นโคที่เกิดในยุโรป ในประเทศ สวิสเซอร์แลนด์และเยอรมัน มีสีน้ำตาลเข้ม ทนต่อสภาพแวดล้อมได้ดีกว่าโคในยุโรปด้วยกัน ทนต่อโรคแมลง ให้น้ำนมเฉลี่ยแล้วปีละ 4,500-5,000 กิโลกรัม ถึงจะทนร้อนได้ดีกว่าพันธุ์อื่นแต่เมื่อมาอยู่ในเขตร้อนแล้วมักจะให้น้ำนมที่ต่ำกว่าตอนอยู่ในอากาศเย็น
4.ออสเตรเลี่ยน อิลลาวารา ชอร์ท ฮอร์น เป็นโคของออสเตรเลียที่ผสมกับชอร์ทฮอร์นของอังกฤษ มีขนาดใหญ่ มีสีน้ำตาลแดง และก็ เหมือนพันธุ์เยอรมัน บราวน์คือเมื่อนำมาเลี้ยงในเขตร้อนมักให้นมไม่ดี
5.เจอร์ซี่ กำเนิดที่เกาะเจอร์ซี่ประเทศอังกฤษ สีเหลืองปนน้ำตาล มีขนาดเล็ก ให้นมเฉลี่ยปีละ 3,500-4,000 กิโลกรัม มีนิสัย ตกใจง่าย ปราดเปรียว ให้คุณภาพน้ำนมดี ไม่เหมาะที่จะเลี้ยงในประเทศไทย
6.พันธุ์เรดซินดี้ เป็นโคทางอินเดียและปากีสถาน มีสีแดงเข้มทั้งตัว เป็นโคที่นิสัยเชื่องทนอากาศร้อนได้ดี เป็นโคขนาดเล็กให้น้ำนมน้อยทนทานต่อโรค
7.พันธุ์ซาฮีวาล เป็นโคนมทางแถบอินเดีย ปากีสถาน มีสีแดงอ่อน เป็นโคทนร้อนทนแมลงและเห็บ แต่มีข้อเสียคือเวลารีดนมต้องใช้ลูกโคเป็นการกระตุ้นน้ำนม
สายพันธุ์โคนมที่จะนำมาเลี้ยงในประเทศไทยต้องมีการศึกษาให้ดีก่อนครับ โดยมากจะนิยมพัฒนาผสมวัวยุโรปมีเลือด 75% ขึ้นไปเช่นโฮลสไตน์ และค่อยๆเพิ่มสายเลือดจน โคที่เลือดสูงนั้นจะไม่สามารถ ทนร้อนได้แต่ก็เพราะว่าการที่มีสายเลือดยุโรปที่สูงและระบบการจัดการคอกที่อุณหภูมิ เย็นๆสบายก็อาจทำให้โคให้น้ำนมมากขึ้น

ผู้ที่คิดจะเลี้ยงโคนมต้องมีความรู้เรื่องวัวนมเป็นอย่างดีครับ การที่เรารู้และเอามาปฏิบัติได้หมายถึงผลผลิตที่ดีต่อไปในอนาคต ของฟาร์มครับ
การเลี้ยงโคนม
การเลี้ยงโคนมเลี้ยงไว้เพื่อรีดนม แต่การให้น้ำนมจะให้หลังจากแม่โคคลอดลูกและมีระยะเวลาในการให้น้ำนมประมาณ 10 เดือน
โรงเรือนในการเลี้ยงโคนมต้องมีขนาดใหญ่ โล่ง โปร่ง อากาศถ่ายเทได้ดี หรือติดพัดลมไว้ในโรงเรือน เพื่อช่วยระบายอากาศ เพราะโคนมไม่ชอบอากาศร้อน พื้นของโรงเรือนควรเป็นพื้นคอนกรีตและมีทางระบายน้ำ เพื่อให้ง่ายต่อการทำความสะอาด รางอาหารกับรางให้น้ำควรอยู่ในที่ร่ม และอยู่ภายนอกโรงเรือน เพื่อให้โคนมลอดหัวออกมากินหญ้าหรือน้ำที่ราง
รางใส่อาหารของโคนมจะมีลักษณะเป็นรางยาวตลอดแนวโรงเรือน รางอาหารนั้น จะมีอยู่ด้วยกัน 2 ราง คือ รางให้หญ้าซึ่งเป็นอาหารหลัก กับรางอาหารเสริม พวกอาหารสำเร็จกากถั่ว และควรให้กินอาหารเป็นเวลา เพราะจะช่วยให้วัวมีน้ำนมมาก
แนวทางการให้อาหารโคนมนั้น มีดังนี้
1.อาหาร ข้น
2.อาหารหยาบ
3.อาหารเสริม
4.น้ำ
วัวนมต้องการน้ำมากกว่าวัวเนื้อปกติจะกินน้ำมากกว่าเราต้องมีน้ำให้วัวดื่มเสมอหรือมีน้ำในแปลงหญ้าที่วัวไปแทะเล็มและก่อนจะนำวัวเข้ารีดต้องให้วัวดื่มน้ำเต็มที่ การให้อาหารข้นวัวแต่ละรุ่น
ลูกโค
-ประมาณ -หย่านม ควรได้รับอาหารข้น 2-3 กิโลต่อวัน
-โปรดตีนประมาณ 8-20% หรือหญ้าหมักได้กินเต็มที
-นมผงชงละลายควรได้รับประมาณวันละ 8 กิโลกรัม ต่อวัน
โครุ่น
-ควรได้รับอาหารข้น 4 กิโลกรัมต่อตัวต่อวัน
-โปรตีน 15% ต่อตัวต่อวัน
– หญ้า
– แร่ธาตุ
โคสาว
-โคเริ่มท้อง อาหารข้น 4 กิโลกรัม ต่อตัวต่อวัน เหมือนโครุ่น
-โปรตีน 15% ต่อตัวต่อวัน
-ก่อนคลอด 2เดือนควรให้อาหารข้นสูตรโปรตีน 19% ประมาณวันละ 8กิโลกรัม ต่อตัวต่อวัน
การจ่ายอาหารข้น
ควรแบ่งจ่าย 2-3 รอบ เช่น วัวควรได้รับวันละ 6 กิโลกรัม
-เช้า 3-3.5 กิโลกรัม ให้จำนวนมากต่อมื้อต้องระวังเรื่องกรดในกระเพาะ
-บ่าย เย็น หรือค่ำ
อาหารหยาบ
-โดยปกติโคนมควรกินหญ้า ประมาณ 10% ของน้ำหนักตัว ต่อต่อวัน
-ถ้าเป็นหญ้าแห้ง ประมาณ 3% ของน้ำหนักตัว
-ถ้าเป็นหญ้าหมัก ประมาณ 2.5% ของน้ำหนักตัว
-การให้ถั่วเสริม ควรให้ในช่วงบ่ายๆหรือเย็น ให้ช่วงเช้าท้องจะอืด
แร่ธาตุนั้นถึงร่ายกายโคจะต้องการน้อยต่อการดำรงชีวิตประจำวัน แต่ก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ ตามหลักในอาหารข้นจะมีผลดี
การรีดนม
การรีดนมวันละ 2 เวลา แต่ที่นี่จะรีดถึงวันละ 3 เวลา และใช้วิธีการรีดนมด้วยเครื่องระบบ Pipeline ทำให้น้ำนมของที่นี่สะอาดปลอดภัยไร้สารเจือปน แล้วน้ำนมดิบที่รีดได้จะถูกส่งผ่านไปยังศูนย์รับน้ำนมดิบ เพื่อลดอุณหภูมิจาก 37 องศา มาเป็น 4 องศา แล้วเก็บในถังรักษาความเย็น
สามารถติดตามความน่ารักของสัตว์เลี้ยงต่อไปได้ที่ : baanpet